"บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์"
อดัม สมิธ (อังกฤษ: Adam Smith) นักปรัชญาศีลธรรม และ นักเศรษฐศาสตร์การเมืองผู้บุกเบิกชาวสกอตแลนด์ อดัม สมิธ เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการกำหนดแนวคิดเศรษฐศาสตร์แนวตลาดเสรี เป็นบุคคลสำคัญในขบวนการที่เป็นที่รู้จักในชื่อว่า
"ยุคสว่างของสกอตแลนด์" (Scottish Enlightenment) โดยเป็นที่รู้จักในฐานะผู้แต่งศาสตรนิพนธ์2 เรื่องคือ
ทฤษฎีว่าด้วยศีลธรรมเร้าอารมณ์ (พ.ศ. 2302) และ
การสอบสวนธรรมชาติและสาเหตุแห่งความมั่งคั่งของประชาชาติ (พ.ศ. 2319) ซึ่งศาสตรนิพนธ์เรื่องหลังนับเป็นความพยายามในยุคแรกๆ
ของการศึกษาอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของการพัฒนาอุตสาหกรรมและพานิชยกรรมในยุโรป อีกทั้งยังเป็นการโจมตีลัทธิพาณิชยนิยมอย่างไม่ปล่อย งานของอดัม สมิธได้กลายเป็นรากฐานวิชาการเศรษฐศาสตร์ตลาดเสรีและช่วยเป็นเหตุผลเชิงปัญญาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดที่มารองรับการค้าเสรี ระบอบทุนนิยมและอิสรเสรีนิยม
ประวัติ
อดัม สมิธ เป็นที่รู้จักมากที่สุดในฐานะเป็นเจ้าของทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ลัทธิเสรีนิยมที่ประณามสมาคมอาชีพในยุโรปยุคคริสต์ศตวรรษที่ 18 (พ.ศ. 2244 - พ.ศ. 2343)
สมิธเชื่อในสิทธิ์ของบุคคลที่จะสามารถใช้อิทธิพลของตนเองสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของตนเองได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องตกเป็นหุ่นเชิดของสมาคมอาชีพหรือของรัฐ
ทฤษฎีของสมิธมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐศาสตร์เดิมของยุโรป
ทำให้ยุโรปส่วนใหญ่เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบการค้าเสรี ที่ยอมให้ผู้ประกอบการรวมตัวกันได้ อดัม สมิธได้รับการยกย่องเป็น "บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์"
การศึกษา
อดัม สมิธ ได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ ในสาขาปรัชญาศีลธรรมกับฟรานซิส ฮัทชีสัน ที่มหาวิทยาลัยนี้เองที่อดัม
สมิธได้เกิดกัมภาวะอย่างแรงกล้าในเสรีภาพ เหตุผล และเสรีภาพในการพูด ในปี พ.ศ. 2283 สมิธได้รับรางวัล "สเนลล์เอกซ์บิชัน" (รางวัลเรียนดีสำหรับนิสิตกลาสโกว์ที่ต้องการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด)
และเข้าเรียนที่ วิทยาลัยบาลลิออล แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด แต่ออกซ์ฟอร์ดในยุคนั้นก็ไม่ได้ให้สิ่งที่จะเป็นงานสำคัญในชีวิตต่อมาของสมิธมากนัก
สมิธออกจากออกซ์ฟอร์ดเมื่อ พ.ศ. 2289 ในหนังสือเล่ม 5
เรื่อง"ความมั่งคั่งของประชาชาติ"
(The Wealth of Nations) ได้วิจารณ์เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยของอังกฤษในขณะนั้นว่ามีคุณภาพในการสอนต่ำและมีกิจกรรมเชิงปัญญาน้อยเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยสก็อตคู่แข่ง
สมิธเห็นว่าเป็นผลที่เกิดจากเงินกองทุนที่มีมากมายเกินไปทั้งที่ออกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์ทำให้ศาสตราจารย์มีรายมากได้โดยไม่ต้องมีความสามารถในการสร้างความน่าสนใจแก่นิสิต
และทำให้นักอักษรศาสตร์มีความเป็นอยู่สุขสบายมากกว่าประมุขฝ่ายศาสนจักรของอังกฤษเสียอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น